Legendary Assassin เพชฌฆาต เขี้ยวหมาป่า (2008)
VIDEO

เรื่องย่อ : Legendary Assassin เพชฌฆาต เขี้ยวหมาป่า (2008)
ดูหนัง Legendary Assassin เพชฌฆาต เขี้ยวหมาป่า (2008)
บทนำ
Legendary Assassin หรือในชื่อไทยว่า เพชฌฆาต เขี้ยวหมาป่า เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นจากฮ่องกงที่ออกฉายในปี 2008 กำกับโดย เอฟฟี่ หว่อง และนำแสดงโดย จา พนม นักแสดงที่โด่งดังจากผลงานการแสดงที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้ เรื่องราวในภาพยนตร์นี้ผสมผสานระหว่างการต่อสู้ที่เข้มข้นและเนื้อเรื่องที่เข้มข้นเกี่ยวกับการแก้แค้นและการค้นหาตัวตน
นักแสดง
- จา พนม รับบทเป็น “เพชฌฆาต” สุดยอดนักฆ่าที่มีทักษะการต่อสู้สูง
- อี้ เจีย รับบทเป็น “ตำรวจ” ที่ต้องตามล่าหาเพชฌฆาต
- หลิว เต๋อหัว รับบทเป็น “หัวหน้าแก๊ง” ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
- ซูซี่ อึ้ง รับบทเป็น “ผู้หญิง” ที่มีปัญหากับเพชฌฆาต
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
คะแนน IMDB ของ Legendary Assassin อยู่ที่ประมาณ 6.0/10 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชมมีความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับภาพยนตร์นี้ ขณะที่คะแนนจาก Rotten Tomatoes ยังไม่มีการจัดอันดับอย่างเป็นทางการ แต่ภาพยนตร์นี้ได้รับเสียงตอบรับที่แตกต่างกันไปในกลุ่มผู้ชม
สรุปเนื้อเรื่อง
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่ “เพชฌฆาต” (จา พนม) เป็นนักฆ่าที่เก่งกาจและมีชื่อเสียง แต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถหนีจากอดีตที่มืดมนของตนเองได้ การเดินทางของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรคและการต่อสู้กับเหล่าศัตรูที่ต้องการกำจัดเขา ในขณะเดียวกัน “ตำรวจ” (อี้ เจีย) ที่มีหน้าที่ตามจับเพชฌฆาตก็เริ่มสงสัยในตัวเขาว่ามีอะไรซ่อนเร้นอยู่
การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นและฉากแอ็คชั่นที่ระทึกขวัญทำให้ผู้ชมต้องติดตามเหตุการณ์อย่างใจจดใจจ่อ เพชฌฆาตต้องเผชิญหน้ากับ “หัวหน้าแก๊ง” (หลิว เต๋อหัว) ที่มีแผนการร้ายและใช้ความรุนแรงในการขยายอำนาจของเขา
ในที่สุด เพชฌฆาตต้องเลือกที่จะต่อสู้เพื่อค้นหาตัวตนของเขาและปลดเปลื้องจากเงามืดที่คอยตามหลอกหลอน ในระหว่างการต่อสู้ เขาได้พบกับ “ผู้หญิง” (ซูซี่ อึ้ง) ที่ทำให้เขาตระหนักถึงความรักและความเห็นอกเห็นใจ
ภาพยนตร์จบลงด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้ของจา พนม และความสามารถในการเล่าเรื่องที่น่าติดตามของผู้กำกับ เอฟฟี่ หว่อง
ข้อคิดเห็น
โดยรวมแล้ว Legendary Assassin เป็นภาพยนตร์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ชมที่ชื่นชอบการต่อสู้และแอ็คชั่นได้อย่างดี แม้ว่าบางส่วนของเนื้อเรื่องอาจจะดูซ้ำซากหรือไม่ตรงประเด็น แต่ก็ถือเป็นผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะการต่อสู้ที่น่าชมอย่างยิ่ง